เปิดศูนย์พักคอยตลาดศรีเมือง

เปิดศูนย์พักคอยตลาดศรีเมือง  คัดกรอง

แรงงานก่อนทำงาน 

ตลาดศรีเมือง เปิดศูนย์พักคอยสำหรับแรงงานต่างชาติ  สามารถรองรับผู้ป่วยโควิดได้ 120 เตียงหากตรวจพบก็จะนำมาพักรักษาที่ศูนย์เพื่อลดการแพร่ระบาด 

( 25 ส.ค. 64 ) นายทศพล เผื่อนอุดม นายอำเภอเมืองราชบุรี นางวีณา ศรีสรรพางค์ รองกรรมการผู้จัดการตลาดศรีเมือง นายสัญชัย  ไวคกุล นายกเทศมนตรีตำบลเขางู นายปฐมพร เจียสกุล นายกสโมสรโรตารีแก่นจันทน์  พร้อมด้วยผู้บริหารตลาดศรีเมือง ร่วมพิธีเปิดศูนย์พักคอย ซึ่งเป็นศูนย์แยกกักของบุคคลที่จะมีการตรวจคัดกรองเชิงรุก ก่อนที่จะเดินทางเข้าไปทำงานในตลาดกลางผักและผลไม้ ( ศรีเมือง ) ที่วาสนาดีรีสอร์ท ต.เกาะพลับพลา อ.เมือง ซึ่งถูกแบ่งออกเป็น 2 ชั้น สามารถรองรับผู้ป่วยได้ประมาณ 120 เตียง จัดตั้งขึ้นโดยตลาดศรีเมือง เพื่อให้แรงงานต่างชาติที่มีผลตรวจ ATK เป็นบวก รอผล PCR เพื่อส่งต่อไปรักษายังโรงพยาบาล โดยเบื้องต้นตลาดศรีเมืองได้จัดเตรียมน้ำดื่มจำนวน 100 โหล ชุดถุงยังชีพ จำนวน 100 ชุด ไว้รองรับ โดยตลาดศรีเมืองเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ จะมีการดูแลเรื่องอาหารให้กับผู้ป่วย 3 มื้อ มีระบบกล้องวงจรปิดเชื่อมต่อระบบสื่อสารภายในพื้นที่ สำหรับติดต่อกับเจ้าหน้าที่ในกรณีฉุกเฉินอีกด้วย ทั้งนี้การเปิดศูนย์ดังกล่าว จะเป็นการขานรับนโยบายของภาครัฐและช่วยลดภาระในการดูแลผู้ติดเชื้อได้อีกทางหนึ่ง 

นายทศพล เผื่อนอุดม นายอำเภอเมือง เปิดเผยว่า เป็นความร่วมมือกันในการให้คำแนะนำ เนื่องจากคลัสเตอร์ตลาดศรีเมืองเป็นคลัสเตอร์สำคัญของ อ.เมืองราชบุรี การแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ต้องอาศัยการรวมพลังทุกภาคส่วน ทางราชการ เอกชน และประชาชน ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีที่ตลาดศรีเมืองจัดตั้งศูนย์แยกกักของบุคคลที่จะมีการตรวจคัดกรองเชิงรุก ก่อนที่จะเดินทางเข้าไปทำงานในตลาด ถ้าหากตรวจเจอนั้น ก็จะถูกแยกออกมา ในอดีตที่ผ่านมาได้ประสบปัญหานี้ เนื่องจากโรงพยาบาลสนาม ศูนย์พักคอยของอ.เมือง ก็ค่อนข้างจำกัด เพราะมีประชาชนจำนวนมากเข้าไปใช้  ซึ่งตลาดศรีเมืองได้กำหนดพื้นที่ก็จะแยกคนที่ตรวจพบเจอแล้วออกมาโดยเร็ว การป้องกันการแพร่กระจายเชื้อก็จะมีประสิทธิภาพ  ในอดีตพอตรวจเจอก็จะให้เวลา  1-2  วัน ในการกลับเข้าไปอยู่ในที่พักของแต่ละคน ยิ่งทำให้การแพร่ระบาดในที่พักอาศัยเพิ่มสูงขึ้น  ทำให้การควบคุมค่อนข้างยาก ปัญหาเรื่องการหาพื้นที่แยกคนกลุ่มนี้ออกมาเป็นปัญหาสำคัญที่ทางราชการก็หนักใจ ที่สำคัญคือตัวบุคลากร  โดยสถานที่อาจเป็นปัจจัยรอง แต่ตัวบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขมีจำกัด แต่ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น หากเอาเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปดูแลหมดไม่ไหว ถ้าหากภาคเอกชนร่วมพลังกันซึ่งมีศักยภาพ ผมเชื่อมั่นว่าภาคเอกชน โรงงานอุตสาหกรรมทุกแห่งมีศักยภาพอาจเก่งกว่าด้วยเรื่องการวางแผน  ในการคิดป้องกันควบคุมโรค ถ้าจับมือรวมพลังกันจะทำให้การแก้ไขปัญหาแพร่กระจายเชื้อมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น                                         

//////////////////////////////////////////

 พันธุ์ - จรรยา   แก้วนุ้ย จ.ราชบุรี