ห้าม!เข้าออกชายแดน

 

ห้าม!เข้าออกชายแดน ตลอดแนว193กม.กันคนกันโรค

เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ตลาดกุ้ง ภายใน จ.สมุทรสาคร มากกว่า 800 คน  พร้อมมีการสั่งล็อกดาวน์จ.สมุทรสาคร โดยห้ามบุคคลภายในและบุคคลภายนอกจังหวัดเดินทางเข้า-ออกโดยเด็ดขาด เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เนื่องจากสถานการณ์เริ่มลุกลาม เพราะเชื้อไวรัสมรณะได้กระจายไปยังจังหวัดอื่นๆด้วย ส่วนจังหวัดที่มีพื้นที่ติดต่อกับจ.สมุทรสาคร ได้ออกมาตรการรับมือกับไวรัสมรณะอย่างเข้มข้น โดยได้มีการตั้งจุดตรวจคัดกรอง บริเวณบนถนนสายหลักพื้นที่รอยต่อตลอด 24 ชั่วโมง

ขณะที่จังหวัดที่มีพื้นที่ติดชายแดนไทย-เมียนมา โดยเฉพาะ 10 จังหวัด กาญจนบุรี ชุมพร เชียงราย เชียงใหม่ ตาก ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี แม่ฮ่องสอน ระนอง และราชบุรี ซึ่งกระทรวงมหาดไทย ได้กำชับและเน้นย้ำนายอำเภอ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตามมาตรการและแนวทางปฏิบัติของการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรผ่านจุดผ่านแดนในพื้นที่รับผิดชอบโดยเคร่งครัด เพิ่มความเข้มข้นในการเฝ้าระวังไม่ให้มีการลักลอบเดินทางเข้ามาในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย รวมทั้งให้บูรณาการส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับพื้นที่ ติดตามค้นหาแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้ามาและกลับออกประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย

ซึ่งในส่วนของ จ.ราชบุรี พันเอก วินิจ สว่างเนตร ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจทัพพระยาเสือ ได้ออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ตามคำสั่งการของแม่ทัพภาคที่ 1 ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 ได้สั่งการให้กองกำลังสุรสีห์ โดยหน่วยเฉพาะกิจทัพพระยาเสือรับผิดชอบพื้นที่ชายแดน 4 อำเภอ ใน จ.ราชบุรี และ คือ อ.สวนผึ้ง อ.บ้านคา จ.ราชบุรี อ.แก่งกระจาน อ.หนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี ในการเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังสกัดกั้นตามแนวชายแดน เกี่ยวกับสถานการณ์โรคโควิด 19 ระบาดในประเทศและประเทศเมียนมา ซึ่งสถานการณ์ค่อนข้างที่จะมีความรุนแรง 

ปัจจุบันหน่วยเฉพาะกิจทัพพระยาเสือมีการตรวจสกัดกั้นเฝ้าระวังตามแนวชายแดน ซึ่งได้วางมาตรการเฝ้าระวังไว้ 3 แนว คือ เฝ้าระวังในหมู่บ้านต่างๆที่อยู่ตรงข้ามกับแนวชายแดน เพิ่มจุดสกัดกั้นบริเวณแนวชายแดน มีการวางกำลังจุดตรวจจุดต่างๆ ทั้งกำลังจากกองร้อยทหารพรานชายแดน เสริมด้วยหน่วยลาดตระเวนเฉพาะกิจทัพพระยาเสือ และกำลังเพิ่มเติมจากหน่วยเคลื่อนที่เร็ว มีการปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง เข้าตรวจตามแนวชายแดนจาก จ.ราชบุรี ที่มีพื้นที่ 72 กม. และ จ.เพชรบุรี ที่มีพื้นที่ 121 กม. รวมตลอดแนวชายแดน 193 กม. แนวทางที่ 2 คือชุมชนหมู่บ้านที่อยู่ติดกับชายแดน ได้มีการบูรณาการร่วมกันระหว่างในส่วนของอำเภอทั้ง 4 อำเภอ รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรในพื้นที่ ในการร่วมกันสกัดกั้น โดยผู้นำชุมชน ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ได้ร่วมกันในการจัดตั้งชุดลาดตระเวน จุดตรวจ จุดสกัดต่างๆ ทั้งแบบประจำที่และไม่ประจำที่ รวมทั้งการหาข้อมูลข่าวสารต่างๆจากชาวบ้านในพื้นที่ ในการช่วยกันเฝ้าระวังมีคนแปลกหน้าเข้ามาในพื้นที่ ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะว่าชาวบ้านในพื้นที่ จะรู้ว่าใครเป็นคนในหมู่บ้าน ใครคือคนแปลกหน้า ส่วนพื้นที่ตอนในเป็นแนวทางที่ 3 ได้มีการบูรณาการกับทาง จ.ราชบุรี และเพชรบุรี รวมถึงผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจ.ราชบุรี และเพชรบุรี ในการที่จะสกัดกั้นตั้งจุดตรวจต่างๆในพื้นที่ตอนใน

ขณะที่นายสายชล จันทร์เพ็ญ นายอำเภอสวนผึ้ง ได้เปิดเผยว่า มาตรการการป้องกันโรคโควิด 19 ในส่วนของ อ.สวนผึ้ง ซึ่งเป็นอำเภอที่มีพื้นที่ติดชายแดน ฉะนั้นมาตรการในการป้องกันโรคโควิด 19 จะมีความเข้มข้นมากกว่าพื้นที่ตอนในเป็น 2 เท่า สำหรับอ.สวนผึ้งนั้นมีพื้นที่ติดเมียนมา ได้กำหนดมาตรการในการป้องกัน โดยแบ่งพื้นที่เป็น 3 ส่วน ส่วนแรกคือตามแนวชายแดนในอ.สวนผึ้ง ระยะ 55 กิโลเมตร ได้มอบหมายให้กองกำลังสุรสีห์เป็นผู้ดูแลป้องกัน ซึ่งมีช่องทางเดินทางผ่านช่องทางธรรมชาติ 11 ช่องทางนั้นมีการวางลวดหนามไว้ 3 ชั้น ทุกช่องทาง และส่วนที่ 2 คือกองกำลังสุรสีนั้นได้จัดเวรยามตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงตอนนี้ได้มีชุดลาดตระเวนอีก 1 ชุด 24 นาย มีการเดินลาดตระเวนตลอดเส้นทางชายแดนทั่งหมด 55 กิโลเมตร และจัดกองกำลังในเส้นทางที่คาดว่าจะมีผู้ลักลอบเข้ามาได้ คือเส้นทางแปดเหลี่ยม จึงเป็นที่ไว้วางใจได้ในบริเวณชายแดน 

ส่วนพื้นที่ตอนในเรามอบหมายให้กับอำเภอสวนผึ้ง สถานีตำรวจภูธรสวนผึ้ง มีการตั้งด่านในพื้นที่ตอนใน ในช่วงกลางคืนซึ่งเป็นช่วงที่มีการหลบหนีเข้าเมืองมากที่สุด จึงวิเคราะห์กันว่าจะมีเส้นทางที่พี่น้องแรงงานจากเมียนมาจะลักลอบเข้าสู่พื้นที่ตอนใน จะมีด้วยกัน 3 จุด เราได้ตั้งด่านโดยหมุนเวียนกันไปทุกวัน ตั้งแต่ 21.00-24.00 น. โดยการบูรณาการกันทุกภาคส่วนระหว่างตำรวจ พลเรือน และกำนันผู้ใหญ่บ้าน ได้มีส่วนช่วยกันดูแล  

 ในส่วนของพื้นที่ทุกหมู่บ้าน เป็นหน้าที่ของกำนันผู้ใหญ่บ้าน ให้ดูแลพี่น้องประชาชน หากมีคนที่เราไม่รู้จักหรือรู้จักแต่เป็นผู้ที่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน ขอให้แจ้งผู้ใหญ่บ้านทันที เรามีมาตรการอยู่หากได้รับแจ้งแล้ว จะต้องแจ้งไปยังอสม.ต้องไปคัดกรองเบื้องต้นโดยการวัดไข้ ในส่วนกำนันผู้ใหญ่บ้านจะมีหน้าที่สอบสวนว่า ไปอย่างไรมาอย่างไร จะไปที่ไหนเสมอ ซึ่งทำงานกันอย่างเข้มข้นตลอดมา 

อีกส่วนหนึ่งก็คือศูนย์อพยพ ซึ่งขณะนี้มีผู้หนีภัยจากการฑูตแล้ว 5,600 คน แบ่งเป็นทั้งหมด 16 ชุมชน เรามีการวางมาตรการป้องกันไม่ให้มีผู้ลักลอบเข้ามาอยู่ในศูนย์อพยพพักพิงนี้ ซึ่งมีการตั้งด่านตลอด 24 ชั่วโมง ที่ผ่านมาก่อนจะมีโควิดที่เมียนมา เรามีการจับกุมการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฏหมายจากประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งหมด 17 ครั้ง ได้ผู้ต้องหา 40 คน โดยใช้กระบวนการตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด คือ ให้มาพักในพื้นที่ชั่วคราวอยู่ที่ตะโกปิดทอง หลังจากนั้นจะนำ อสม.เข้ามาคัดกรอง และทางอำเภอกับตำรวจสภ.สวนผึ้ง จะมาสอบสวน หากไม่พบการติดเชื้อจะดำเนินคดีลักลอบเข้าประเทศโดยผิดกฏหมาย และส่งต่อให้ ตม.ผลักดันกลับประเทศต่อไป ซึ่งทางอ.สวนผึ้งยังจับผู้นำพาได้ 2 คน เป็นคนไทย 1 คน และอีกคนเป็นบุคคลที่ได้เลขมีสถานะการลงทะเบียน โดยตอนนี้มีการดำเนินคดีทั้งสองคนเรียบร้อยแล้ว

//////////////////////////////////////////////////////

Cr :  สำนักงาน ปชส.ราชบุรี





ห้าม!เข้าออกชายแดน ห้าม!เข้าออกชายแดน Reviewed by หนังสือพิมพ์มติธรรม on 23:38 Rating: 5

ขับเคลื่อนโดย Blogger.