ประมงหนุนส่งออกปลากัด


เกษตรกรชาวโพธาราม จ.ราชบุรี มีเทคนิคการเลี้ยงปลากัดไทย ซึ่งเป็นสัตว์น้ำประจำชาติ ที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์  มีคุณภาพได้มาตรฐาน  ราคาดีคัดเกรดตัวละ 200 - 300 บาท เป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศให้ความนิยม


           
วันที่ 8 ก.พ.62)  ที่ฟาร์ม Potha Betta ของนายปิยะสรณ์ ศิลปะศร อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 100 / 1 หมู่ 1 ต.สร้อยฟ้า อ.โพธาราม จ.ราชบุรี  ที่มีใจรัก และชื่นชอบการเลี้ยงปลากัดมานานหลายปี จนเกิดความชำนาญ จนสามารถพัฒนาเพาะพันธุ์ปลากัดที่มีสีสันสวยงาม โดยเฉพาะปลากัดพันธุ์หางยาว ที่มีออร์เดอร์สั่งเข้ามาต่อเนื่องทั้งปี  ที่สำคัญปลากัดแต่ละตัวจะมีคุณภาพตามเกรด เริ่มตั้งแต่เกรด A ไปจนถึงเกรด B และเกรด C  โดยปลากัดจะมีหลายสายพันธุ์  เช่น พันธุ์หูช้าง  พันธุ์ครีบยาวหางมงกุฎ  สีสัน สวยงาม  ซึ่งส่วนใหญ่จะนิยมเลี้ยงสายพันธุ์ครีบยาวหางพระจันทร์ครึ่งดวง หรือ เรียกว่า  Half Moon  เวลาที่ปลากัดจะกางแผ่หางเต็มที่จะมีลักษณะคล้ายกับพระจันทร์ครึ่งดวง ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศ และพันธุ์ครีบสั้นหางเดี่ยว หรือหางพระจันทร์ครึ่งดวงจะมีลักษณะหางสั้นกว่าสายพันธุ์แรก  การเลี้ยงปลากัดไทยมีข้อดีคือไม่ต้องให้ออกซิเจน เลี้ยงตามปกติ  เป็นปลาฮุบอากาศอยู่เหนือน้ำ การเลี้ยงในโหลประมาณ 7-10 วันจึงจะถ่ายน้ำ 1 ครั้ง แต่หากเป็นแบบลักษณะขวดที่ตั้งเรียงรายติดกันจะถ่ายน้ำทุก 3 วัน จะมีเทคนิคการเลี้ยงคือ ให้ถ่ายน้ำตามปกติตรงเวลาโดยเฉพาะถ้าเป็นปลากัดหางยาวจะต้องถ่ายน้ำตรงเวลาจึงจะทำให้ปลาเจริญเติบโตดี  ที่ฟาร์มจะใช้บ่อซีเมนต์เลี้ยงปลาไม่เกิน 200 -300 ตัว เพื่อไม่ให้หนาแน่นเกินไป จะเทปลาเลี้ยงเพียง 1 คอก พออยู่ได้ประมาณ 1 เดือนครึ่ง - 2 เดือนจึงจับมาแยกเลี้ยงใส่ขวด เนื่องจากปลาจะเริ่มกัดและหวงแหนพื้นที่   โดยตนเองจะพยายามคัดพ่อแม่พันธุ์ที่สมบูรณ์โดยไปหาซื้อแหล่งพันธุ์ที่ดีนำมาเพาะเลี้ยงและจะเก็บลูกพันธุ์ปลาที่มีคุณภาพเอามาเลี้ยงให้กลายเป็นพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์เพิ่มอีกเรื่อยๆ อย่างตัวเมียถ้ามีความพร้อมในการผสมพันธุ์บริเวณท้องจะเริ่มแตกเป็นลาย  ส่วนตัวผู้จะเลือกปลาที่ฟอร์มดีเอามาใส่ในขันพลาสติกธรรมดา จับใส่ไว้ 2 คืน ก็จะออกไข่  การเพาะพันธุ์ไม่ยาก  แต่การอนุบาลให้โตนั้นจะยากกว่า

               
ทั้งนี้นายปิยะสรณ์ ศิลปะศร   เจ้าของฟาร์มฟาร์ม Potha Betta  กล่าวว่า   “ ใช้บ่อซีเมนต์เป็นบ่อวงกลมขนาด 80 เซนติเมตร ประมาณ 200 บ่อ  มีขวดแก้วใสแบนที่จะไว้คัดแยกปลาประมาณ 13,000 ขวด โดยจะเจาะบริเวณขวดน้ำไว้เพื่อให้ถ่ายน้ำง่ายสะดวก  อนาคตจะขยายเพิ่มเป็น 20,000 ขวด  ส่วนอาหารที่เลี้ยงจะใช้ลูกไรแดงสดเลี้ยงทุกวัน ต้องใช้ความชำนาญในการหยอดอาหาร ให้ตรงกับปากขวดพอดี  จะนำลูกไร่แดงใส่ขวดซอสแล้วบีบลงในขวด ที่ตั้งไว้เป็นแถวยาว  ซึ่งจะต้องดูอายุของปลาแต่ละไซส์ที่จะให้อาหารด้วย  ถ้าอายุมากหน่อยก็จะให้อาหารเยอะกว่า ใช้เวลาการเลี้ยงประมาณ 4 เดือนก็สามารถจับขายได้ ขึ้นอยู่กับเกรดปลาแต่ละตัว เกรด A  ราคาส่งหน้าฟาร์มประมาณตัวละ 200 -300 บาท  เกรด อื่นๆก็จะลดราคาต่ำลงไป   ที่ฟาร์มจะเพาะเลี้ยงพันธุ์หางยาว ที่ตลาดส่วนใหญ่ต่างประเทศต้องการ  ส่วนพันธุ์หางสั้นก็จะคงมีไว้บ้างเล็กน้อยประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์   หางยาว 70 เปอร์เซ็นต์   ที่ส่งมีประเทศอเมริกา  พม่า มาเลเซีย สิงคโปร์   ล็อตหนึ่งขายประมาณ  50 - 200 ตัว แต่ละล็อตได้เงินประมาณ 10,000 - 15,000  บาท  ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ลูกค้าสั่งเข้ามาในแต่ละครั้ง รู้สึกดีใจที่รัฐให้การส่งเสริมเพราะปลากัดไทยเป็นปลาที่ทั่วโลกรู้จักว่าเป็นปลาที่มาจากประเทศไทยเท่านั้น  ”
                   
การส่งจำหน่วยจะบรรจุใส่ถุงขนาด 4 คูณ 12 นิ้วแล้วมัดถุง   จากนั้นจึงนำอีกถุงซ้อนเข้าไปอีกชั้นปลากัดสามารถอยู่ได้นาน แม้จะกระแทก กระเทือนอย่างไรก็ไม่มีปัญหา แต่ห้ามอยู่ในที่มีแสงแดดอย่างเดียวเท่านั้น ปลากัดจะอยู่ได้นานเป็นเดือนโดยที่ปลาไม่ตาย
 

ทางด้าน ดร.ชนินทร์ แสงรุ่งเรือง  ประมงจังหวัดราชบุรี  “มีการให้ความรู้กับเกษตรกรโดยทั้งเกษตรกรรายเก่า และเกษตรกรรายใหม่ ซึ่งจะให้ความรู้เบื้องต้น การอบรมศึกษาดูงาน  ส่วนรายเก่าจะมีการพัฒนาฟาร์มโดยการสร้างมาตรฐาน มีการรับรองมาตรฐาน  GAP   และมาตรฐานส่วนที่เกี่ยวข้อง ที่จะส่งออกโดยการควบคุมโรค เน้นปลาสวยงามที่จะส่งออกไปที่การควบคุมโรคเป็นหลัก จะต้องปลอดโรคส่งไปต่างประเทศแล้วปลาจะต้องไม่ป่วย หรือ เอาโรคระบาดไปสู่ประเทศอื่น  ทุกฟาร์มที่มีการส่งเสริมจะพัฒนาไปจนถึงจุดที่สามารถส่งออกได้ด้วยตัวเอง ในราชบุรีมีการเพาะเลี้ยงปลากัดอยู่ไม่เกิน 10 ราย เป็นฟาร์มขนาดกลาง  ส่วนรายใหญ่จะอยู่ที่ฟาร์มนี้ซึ่งมีคุณภาพ ได้มาตรฐานผ่านการรับรองแล้ว ปัจจุบันได้มีการพัฒนาจนถึงขั้นมีการส่งจำหน่ายต่างประเทศเป็นผลสำเร็จ


สำหรับการเพาะเลี้ยงปลากัดไทย ซึ่งเป็นปลาที่ได้รับการอนุมัติจาก ครม.ให้เป็นสัตว์น้ำประจำชาติ  ซึ่งมีความโดดเด่น มีเอกลักษณ์ ประจำชาติ มีชื่อว่า Betta splendent มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศไทย  เป็นสายพันธุ์ที่มีเอกลักษณ์ด้านพฤติกรรมการต่อสู้ เป็นสัตว์น้ำชนิดเดียวของไทยที่มีลักษณะดังกล่าว ได้รับการยอมรับนิยมเลี้ยงกันในระดับสากล ส่งออกจำหน่ายถึงประเทศ

/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////













ประมงหนุนส่งออกปลากัด ประมงหนุนส่งออกปลากัด Reviewed by หนังสือพิมพ์มติธรรม on 21:35 Rating: 5

ขับเคลื่อนโดย Blogger.