ต้นโพธิ์วัดม่วง หนึ่งเดียวราชบุรี

วัดม่วงบ้านโป่ง นอกจากยังคงความเป็นชุมชนชาวมอญแห่งลุ่มน้ำแม่กลองแล้ว วัดม่วงยังมีต้นโพธิ์เก่าแก่ร่วมร้อยปี  ที่แฝงไว้ด้วยเสน่ห์ของศิลปะธรรมชาติที่ลากเลื้อยจนได้รับการคัดเลือกให้เป็น "รุกข มรดกแห่งแผ่นดิน" หนึ่งเดียวของราชบุรี

( 11 ต.ค. 64 )  ไปชมความแปลกของต้นโพธิ์ขนาดใหญ่อายุราว ๆ เกือบ 100 ปี ที่รากขึ้นปกคลุมซุ้มประตูวัด จนดูเป็นศิลปะที่ธรรมชาติสร้างขึ้น   อยู่ริมแม่น้ำแม่กลองหน้าวัดม่วง ต.บ้านม่วง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี  ซึ่งวัดม่วงถือเป็นวัดที่เก่าแก่ ตามประวัติบอกไว้ในคัมภีร์ใบลานเขียนด้วยอักษรมอญว่ามีอายุในปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นคนเชื้อสายมอญ ซึ่งต้นโพธิ์ที่ว่านี้ มีลักษณะรูปทรงแปลกตา  โดยได้รับคัดเลือกให้เป็น "รุกข มรดกของแผ่นดินใต้ร่มพระบารมี" ของกระทรวงวัฒนธรรมด้วย จากประวัติทราบว่าต้นโพธิ์นี้มีเส้นรอบวง 11 เมตร ความสูง 10 เมตร อยู่บริเวณวัดม่วง มีกิ่งก้านสาขาปกคลุม โดยรอบ ๆ ซุ้มประตูวัด รากของต้นโพธิ์แทงเข้าไปตามซอก และโครงสร้างของซุ้มประตู กิ่งของต้นมีรูปร่างคล้าย ๆ กับช้างทรงขนาดใหญ่ มองดูแล้วสวยงาม ภายในซุ้มยังมีรูปปั้นพระสังกัจจายน์ พระอสีติ “ มหาสาวกแห่งโชคลาภ ” ประดิษฐานอยู่เพื่อให้ประชาชนมากราบไหว้ขอพร ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของวัดม่วง ถือเป็นรุก ข มรดกของแผ่นดิน  ของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม   ช่วงวันหยุดมักจะมีชาวบ้านและนักท่องเที่ยวจากต่างจังหวัดขับรถผ่านและจะชอบแวะกราบขอพร เพื่อความเป็นสิริมงคล  ซึ่งด้านในจะมีพวงมาลัยดอกไม้สด น้ำแดง น้ำเปล่า ผลไม้ หลายคนก็ยังมาขอโชค ขอลาภ จากองค์พระสังกัจจายน์ กันไม่ขาดสาย โดยเฉพาะช่วงใกล้ ๆ วันหวยออก  สังเกตจากบริเวณด้านข้างจะมีพานสีทอง สีเงิน น้ำแดง จัดถวายไม่ขาด จากคำเล่าลือถึงความศักดิ์สิทธิ์ของต้นโพธิ์ต้นนี้ มีคนได้โชคลาภไปหลายงวดนำผลไม้ น้ำแดงมาถวายกันไม่ขาดสาย 


นางสอางค์ พรมอินท์  อายุ 80 ปี ประธานพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดม่วง  เปิดเผยว่า ตอนเด็ก ๆ ก็เห็นต้นโพธิ์นี้แล้ว  เพราะเคยวิ่งเล่นเที่ยวอยู่แถววัดม่วง  เมื่อก่อนเป็นทางขึ้นหน้าประตูวัด ช่วงนั้นที่เห็นต้นโพธิ์อายุประมาณ 12 ปี ตอนนี้อายุ 80 ปีแล้ว ตอนนั้นยังไม่ใหญ่ขนาดนี้ ซึ่งจะอยู่ติดกับแม่น้ำแม่กลอง  ความศักดิ์สิทธิ์นั้นเคยมีนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ไปชมต้นโพธิ์ และยังเคยขอโชคลาภด้วย


นายสวัสดิ์  เจิมเครือ เจ้าหน้าที่ดูแลพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดม่วง กล่าวว่า  ต้นโพธิ์ที่รูปร่างแปลก แต่เดิมเป็นซุ้มประตูอยู่บนวัดเดิมชายแม่น้ำ ใช้การเดินทางโดยเรือ แม้แต่เขตป่าช้าก็อยู่ชายแม่น้ำหมด แต่ต่อมาเกิดพังทลายก็ต้องย้ายหนี คงเหลือแต่ซุ้มประตูสมัยก่อนแข็งแรงดี ต่อมาต้นโพธิ์ขึ้นปกคลุมใหญ่ขึ้นก็เลยซ้อนพันเกี่ยวกัน ต่อมามีผู้ศรัทธานำองค์พระสังกัจจายน์มาถวายไว้ด้านในให้กราบไหว้เพื่อเป็นสิริมงคล  จนรากต้นโพธิ์ได้ซอนพันขึ้นไปเรื่อย ๆ จนเห็นตามรูปลักษณ์ในปัจจุบัน  ด้วยความแปลกได้มีการประกวดวัตถุโบราณเก่าทางจังหวัดได้ส่งเข้าประกวด จึงได้รับคัดเลือกได้รับรองชนะเลิศรุก ข มรดกของแผ่นดิน ของกระทรวงวัฒนธรรม 


สำหรับวัดม่วงเป็นวัดเก่าแก่ดั้งเดิมของลุ่มแม่น้ำแม่กลอง สมัยก่อนเป็นป่าทั้งสองฝั่งได้พัฒนาหาที่ดินทำการเกษตร ชาวมอญจะเดินทางโดยการล่องแพเรื่อยมาอพยพมาอที่นี่กว่า 300 ปีแล้ว ชื่อบ้านม่วงได้สันนิษฐานว่ามีต้นมะม่วงป่าเยอะที่ฝั่งนี้ กับที่เมืองมอญหมู่บ้านเก่าเรียกว่าบ้านม่วง และได้มีการตั้งวัดม่วงพร้อมกับตั้งเจดีย์มอญขึ้น ที่หมู่บ้ยังคงรักษาวัฒนธรรมการพูดภาษามอญ การแต่งกายเดิมไว้ ส่วนการทอผ้าก็ยังคงมีอยู่มากว่า 300 ปีแล้ว 


นายสวัสดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนต้นโพธิ์อายุราว ๆ 70 ปี ส่วนอีกต้นมีอายุกว่า 100 ปี  สมัยก่อนเคยมีศาลาอยู่ริมน้ำและมาพังทลายลงเมื่อประมาณกว่า 30 ปี ส่วนพิพิธภัณฑ์หลังนี้สร้างมากว่า 20 ปี  แต่เดิมเป็นศาลาเอนกประสงค์เรือนไม้ไว้จัดประเพณีต่าง ๆ ในหมู่บ้าน  ส่วนของเก่านั้นเป็นของวัดบ้าง มีชาวบ้านนำมาถวายวัดบ้าง และได้รวบรวมเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์เรื่อยมาจนถึงปัจจุบันนี้ จนตกทอดมาถึงพระครูวรธรรมพิทักษ์ ร่วมกับกรมศิลปากร และชาวบ้านม่วง สร้างพิพิธภัณฑ์หลังนี้ขึ้นมา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารีได้เสด็จมาทรงเปิดพิพิธภัณฑ์หลังนี้ เพื่อให้ประชาชนได้เข้าชมของเก่า ได้ความรู้ โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย ด้านในมีวัตถุโบราณที่สำคัญ เช่น  ข้าวของเครื่องใช้โบราณของชาวมอญ เครื่องประดับ โอ่ง ไห ถ้วยชามโบราณ เครื่องแต่งกายโบราณ นอกจากนี้ยังมีใบลานที่ตกทอดมานานหลายร้อยปี บอกถึงตำรายาสมุนไพร คาถาไล่ผี ประวัติบ้านม่วง มีคัมภีร์งาช้าง 1 ชุด และเครื่องใช้ เครื่องนุ่งห่มสมัยโบราณอีกหลายชิ้น ชาวมอญก็ยังคงรักษาวัฒนธรรมประเพณีให้คงอยู่คู่ท้องถิ่นแต่อดีตมาจนถึงทุกวันนี้  


จากข้อมูลประวัติของพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดม่วงนั้นเชื่อว่าบรรพบุรุษของชาวมอญได้ติดตามพระมหาเถระคันฉ่อง เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ริมน้ำแม่กลอง ตั้งแต่กรุงศรีอยุธยา รัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อรำลึกถึงบ้านเก่าที่จากมา จึงเรียกบ้านใหม่ด้วยชื่อเก่าว่า “ บ้านม่วง ” เช่นเดียวกับชื่อวัดที่สร้างใหม่ว่า “ วัดม่วง ” ภาษามอญว่า “ เพลียเกริก ”  และยังมีการอพยพเข้ามาอีกหลายระลอกใช้เวลาร่วม 400 ปี เป็นรากฐานที่ดี ในการก่อเกิดพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดม่วง และศูนย์มอญศึกษาขึ้น 


สำหรับผู้สนใจมาเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดม่วงได้ทุกวันพุธ - อาทิตย์ จะหยุดเฉพาะวันจันทร์ และวันอังคาร มาเที่ยวชมโบราณวัตถุในสมัยโบราณของชาวมอญ และเที่ยวชมสักการะขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดเพื่อความเป็นสิริมงคลได้  

                                               ///////////////////////////////////////

พันธุ์ – จรรยา  แก้วนุ้ย จ.ราชบุรี




ต้นโพธิ์วัดม่วง หนึ่งเดียวราชบุรี ต้นโพธิ์วัดม่วง หนึ่งเดียวราชบุรี Reviewed by หนังสือพิมพ์มติธรรม on 00:15 Rating: 5

ขับเคลื่อนโดย Blogger.